เวลาที่เราขึ้นเครื่องบิน หลายคนคงเคยสงสัยว่า “จะเลือกที่นั่งตรงไหนดีถึงจะสบายที่สุด?” บางคนชอบนั่งริมหน้าต่างเพื่อชมวิวท้องฟ้า ขณะที่บางคนเลือกติดทางเดินเพื่อความสะดวกในการลุกเดิน แต่รู้หรือไม่ว่า ที่นั่งแต่ละตำแหน่งบนเครื่องบินมีชื่อเรียกเฉพาะและมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป การเข้าใจว่าที่นั่งในเครื่องบินเรียกว่าอะไร และเลือกตำแหน่งที่เหมาะกับความต้องการของเรา จะช่วยให้การเดินทางของคุณสบายและเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น
1. ที่นั่งในเครื่องบินเรียกว่าอะไร?
ที่นั่งในเครื่องบิน (Airplane Seat) คือที่นั่งที่ถูกออกแบบให้รองรับผู้โดยสารระหว่างการเดินทางทางอากาศ โดยแต่ละที่นั่งจะถูกจัดเรียงเป็นแถว (Row) และมีหมายเลขกำกับเพื่อให้ง่ายต่อการระบุตำแหน่ง เช่น 12A, 12B, 12C ซึ่งหมายถึงแถวที่ 12 และตัวอักษร A, B, C หมายถึงตำแหน่งจากซ้ายไปขวาในแถวนั้น
ในเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป ที่นั่งจะถูกแบ่งออกเป็น “ชั้นโดยสาร” (Cabin Class) ตามระดับความสะดวกสบายและราคา ได้แก่
ชั้นประหยัด (Economy Class)
เป็นชั้นโดยสารที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ใช้มากที่สุด ราคาประหยัด และจำนวนที่นั่งมากที่สุดในเครื่องบิน พื้นที่วางขามักจะแคบกว่าชั้นอื่น แต่ปัจจุบันหลายสายการบินเริ่มออกแบบที่นั่งให้มีความสบายมากขึ้น มีหมอน ผ้าห่ม หน้าจอส่วนตัว และบริการอาหารบนเครื่องในบางเที่ยวบิน
ชั้นพรีเมียมอีโคโนมี (Premium Economy)
อยู่ระหว่างชั้นประหยัดกับชั้นธุรกิจ มีพื้นที่วางขามากกว่า เบาะใหญ่กว่าเล็กน้อย และมักจะมีบริการพิเศษเพิ่มเติม เช่น ช่องชาร์จ USB หรืออาหารที่ดีกว่าชั้นประหยัด
ชั้นธุรกิจ (Business Class)
เป็นที่นั่งระดับหรูที่ออกแบบเพื่อความสบายของนักธุรกิจและผู้โดยสารที่ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เบาะปรับเอนนอนได้มาก หรือบางสายการบินสามารถปรับเป็นเตียงราบได้ มีพื้นที่ส่วนตัว อาหารระดับพรีเมียม และบริการที่รวดเร็วกว่า
ชั้นหนึ่ง (First Class)
เป็นชั้นโดยสารที่หรูหราที่สุด มีจำนวนที่นั่งน้อยมาก มอบความเป็นส่วนตัวสูงสุด บางสายการบินถึงขั้นมีห้องส่วนตัว (Suite) พร้อมเตียง ทีวีส่วนตัว และบริการจากพนักงานเฉพาะตัว เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุดตลอดการเดินทาง
2. รูปแบบการจัดที่นั่ง (Seat Configuration)
เครื่องบินแต่ละรุ่นจะมีการจัดเรียงที่นั่งแตกต่างกันไป โดยทั่วไปจะมีรูปแบบดังนี้
- 3-3 (Boeing 737 / Airbus A320) – ใช้กับเครื่องบินขนาดกลาง มี 3 ที่นั่งสองฝั่งของทางเดินกลาง
- 2-4-2 (Airbus A330) – ใช้กับเครื่องบินลำใหญ่ เหมาะกับเที่ยวบินระยะไกล
- 3-4-3 (Boeing 777 / 787 Dreamliner) – เครื่องบินขนาดใหญ่ที่ใช้ในเส้นทางข้ามทวีป
- 1-2-1 (Business/First Class) – มักใช้ในชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่ง เพื่อให้ทุกที่นั่งเข้าถึงทางเดินได้โดยตรง
ตำแหน่งของที่นั่งมักถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- Window Seat (ที่นั่งติดหน้าต่าง) – มองวิวได้ เหมาะกับคนชอบถ่ายรูปหรืออยากพักผ่อน
- Aisle Seat (ที่นั่งติดทางเดิน) – ลุกเดินได้สะดวก เหมาะกับคนที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย
- Middle Seat (ที่นั่งตรงกลาง) – อยู่ระหว่างสองที่นั่ง มักจะอึดอัดที่สุด
3. ที่นั่งไหนดีที่สุดบนเครื่องบิน?
“ที่นั่งที่ดีที่สุด” ไม่มีคำตอบเดียว เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่เราสามารถแบ่งตามจุดเด่นของแต่ละตำแหน่งได้ดังนี้
ที่นั่งด้านหน้าเครื่องบิน – เงียบและลงจากเครื่องได้ไว
ที่นั่งบริเวณด้านหน้ามักจะเงียบกว่า เพราะอยู่ห่างจากเครื่องยนต์ เสียงรบกวนน้อย และเป็นกลุ่มแรกที่ได้เสิร์ฟอาหาร นอกจากนี้ยังลงจากเครื่องได้ไวเมื่อถึงที่หมาย เหมาะกับคนที่ต้องต่อเครื่องหรือรีบออกจากสนามบิน
เหมาะกับ: ผู้โดยสารที่ต้องการความเงียบและความรวดเร็ว
ที่นั่งบริเวณปีกเครื่องบิน – นั่งนิ่งที่สุด
หากคุณเป็นคนที่มักจะเวียนหัวเวลามีแรงสั่นสะเทือน (Turbulence) ให้เลือกที่นั่งแถวบริเวณ “เหนือปีกเครื่องบิน” เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของแรงสั่น ที่นั่งจะนิ่งกว่าบริเวณหัวหรือท้ายเครื่อง
เหมาะกับ: คนที่กลัวเครื่องบินตกหรือเวียนหัวง่าย
ที่นั่งติดหน้าต่าง – วิวสวยและพักผ่อนได้ดี
ที่นั่งริมหน้าต่างเป็นที่นิยมของนักเดินทางหลายคน เพราะสามารถมองเห็นวิวจากท้องฟ้า เช่น เมือง ภูเขา หรือทะเลเมฆ อีกทั้งยังไม่มีใครเดินผ่านบ่อย ทำให้สามารถพักผ่อนได้เต็มที่โดยไม่ถูกรบกวน
เหมาะกับ: คนที่อยากนอนหลับยาวหรือถ่ายรูปวิวสวย ๆ
ที่นั่งติดทางเดิน – เดินสะดวกและเข้าห้องน้ำง่าย
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบลุกยืดเส้น หรือจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ที่นั่งติดทางเดินจะตอบโจทย์มาก เพราะไม่ต้องรบกวนคนอื่นเวลาจะลุก นอกจากนี้ยังได้ลุกก่อนเวลาเสิร์ฟอาหารอีกด้วย
เหมาะกับ: คนที่ชอบขยับตัวหรือมีไฟลต์ยาวหลายชั่วโมง
ที่นั่งแถวฉุกเฉิน (Exit Row) – พื้นที่ขากว้าง
ที่นั่งบริเวณทางออกฉุกเฉินเป็นที่นั่งที่มี “Legroom” หรือพื้นที่วางขากว้างกว่าปกติ เพราะต้องเผื่อทางเดินสำหรับกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่นั่งตรงนี้จะต้องมีร่างกายแข็งแรงพอที่จะช่วยเปิดประตูได้ตามข้อกำหนดของสายการบิน นอกจากนี้ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย เช่น วิธีอพยพหนีไฟหรือการป้องกันสาเหตุไฟไหม้ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องในกรณีฉุกเฉิน
เหมาะกับ: คนตัวสูงหรือชอบพื้นที่กว้าง
ที่นั่งท้ายเครื่องบิน – ราคาถูกและมีโอกาสได้ที่ว่าง
ที่นั่งท้ายเครื่องมักเป็นที่เหลือสุดท้ายในการจอง แต่ก็มีข้อดีคือบางครั้งเที่ยวบินไม่เต็ม ทำให้แถวหลัง ๆ มีที่นั่งว่างมากกว่า และสามารถขยับไปนอนได้สบายขึ้น อย่างไรก็ตาม เสียงเครื่องยนต์จะดังกว่าและสั่นมากกว่าเล็กน้อย
เหมาะกับ: ผู้โดยสารที่อยากประหยัดค่าโดยสาร
4. เคล็ดลับการเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน
การได้ที่นั่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เรื่องของโชคเสมอไป หากรู้เคล็ดลับเหล่านี้ คุณสามารถวางแผนและเลือกที่นั่งที่เหมาะกับตนเองได้ง่ายขึ้น
จองล่วงหน้าเสมอ
ยิ่งจองเร็ว ยิ่งมีโอกาสเลือกที่นั่งที่ต้องการ บางสายการบินอนุญาตให้เลือกที่นั่งฟรีขณะจอง แต่บางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย
ใช้แผนผังที่นั่ง (Seat Map)
ก่อนจอง ควรดูแผนผังจากเว็บไซต์เช่น aerolopa.com ซึ่งมีรีวิวจริงจากผู้โดยสารเกี่ยวกับที่นั่งแต่ละตำแหน่ง เช่น เสียงดังหรือพื้นที่แคบ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
พิจารณาความต้องการส่วนตัว
ถ้าคุณชอบถ่ายรูป — เลือกริมหน้าต่าง
ถ้าคุณต้องเดินบ่อย — เลือกติดทางเดิน
ถ้าคุณต้องการเงียบสงบ — เลือกแถวหน้าเครื่อง
หลีกเลี่ยงแถวที่ใกล้ห้องน้ำหรือห้องครัว
บริเวณเหล่านี้มักมีเสียงดังและมีคนเดินผ่านบ่อย ทำให้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อน
เลือกสายการบินที่ให้บริการเลือกที่นั่งฟรี
บางสายการบินให้เลือกที่นั่งฟรีเมื่อเช็กอินออนไลน์ก่อนเวลา 24 ชั่วโมง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายโดยไม่เสียความสะดวก
5. สรุป: ที่นั่งไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
ไม่มีที่นั่งใดดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มี “ที่นั่งที่เหมาะสมที่สุด” สำหรับแต่ละบุคคล
- ถ้าคุณต้องการ เงียบและรวดเร็ว → ด้านหน้าเครื่อง
- ถ้าคุณต้องการ นั่งนิ่งไม่เวียนหัว → เหนือปีกเครื่องบิน
- ถ้าคุณต้องการ วิวสวยและพักผ่อน → ริมหน้าต่าง
- ถ้าคุณต้องการ เดินสะดวก → ติดทางเดิน
- ถ้าคุณต้องการ ขากว้าง → แถวฉุกเฉิน
- ถ้าคุณต้องการ ประหยัด → ท้ายเครื่อง
ดังนั้น การเลือกที่นั่งที่ดีที่สุดบนเครื่องบินคือการเข้าใจความต้องการของตนเอง และใช้ข้อมูลเหล่านี้ช่วยตัดสินใจในการจองเที่ยวบินครั้งต่อไป เพราะ “ที่นั่งที่ดี” จะเปลี่ยนการเดินทางธรรมดาให้กลายเป็นประสบการณ์ที่สบายและน่าจดจำมากขึ้น


