1. เบอร์รี่และครีม
ถือว่าเป็นเมนูคลาสสิก โดยผลเบอร์รี่ที่มีรสหวาน ฉ่ำและยังมีแคลอรี่ต่ำ แถมยังมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจมากมาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์ และกินกับวิปครีมหรือครีมเปรี้ยวไขมันต่ำที่มีน้ำตาลน้อยหรือว่าไม่มีเลย
2. ผลไม้แช่แข็ง
ในบางยี่ห้ออาจมีตัวเลือกแคลอรี่ต่ำและน้ำตาลต่ำกว่า หรือว่าจะทำเองเพื่อจะได้กะปริมาณเองได้ โดยลองทำตามสูตรที่ใช้เนื้อผลไม้มากกว่าน้ำ ด้วยวิธีนี้ คุณก็ยังสามารถได้ไฟเบอร์และสารอาหารอื่นๆจากเมนูนี้แน่นอน
3. ดาร์กช็อกโกแลต
โดยการกินดาร์กช็อกโกแลต 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ไม่ได้ส่งผลเสียต่อการควบคุมอาหารอย่างที่คุณคิด มีน้ำตาลและโกโก้น้อยกว่าช็อกโกแลตนม นั่นหมายถึงแคลอรีน้อยลง แต่มีสารอาหารมากกว่า เช่น ฟลาโวนอยด์ เพื่อให้ปลอดภัย ให้มองหาปริมาณโกโก้ 70% ขึ้นไป แต่จำไว้ว่าปริมาณคาเฟอีนก็ขึ้นกับปริมาณโกโก้ด้วยเช่นกัน
4. โยเกิร์ตพาร์เฟ่ต์
โดยเมนูนี้สามารถให้ความรู้สึกผ่อนคลายราวกับไอศกรีมซันเดย์ โดยมีน้ำตาลที่น้อยลง ไฟเบอร์ที่มากขึ้น และสารอาหารมากมาย โดยเริ่มด้วยโยเกิร์ตธรรมดาซึ่งมีน้ำตาลน้อยกว่าแบบปรุงแต่งมาก โรยท็อปด้วยผลเบอร์รี่สดและถั่วเล็กน้อย กราโนล่าอีกเล็กน้อยก็โอเคเช่นกัน เพียงแค่ดูขนาดของส่วนประมาณ 1 ถ้วยโยเกิร์ต แต่คุณอาจตักมาให้น้อยกว่านี้หากคุณทานหลังอาหาร
5. ข้าวโอ๊ตแอปเปิ้ลกรอบ
ถือว่าเป็นเมนูตัวตายตัวแทนสำหรับคนที่อยากทายพายแอปเปิ้ลเลย โดยเมนูนี้สามารถใช้สูตรอาหารที่ใช้ ข้าวโอ๊ต ถั่ว และผลไม้มากขึ้น และใช้แป้งขาว น้ำตาล และเนยน้อยลง การอบแอปเปิ้ลดึงความหวานตามธรรมชาติออกมา ข้าวโอ๊ตและถั่วช่วยเพิ่มไฟเบอร์และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
6. ผลไม้กับชีส
ลองใช้ผลไม้สดแทนที่จะใช้บราวนี่ ความหวานของผลไม้สดหรือแห้งเข้ากันได้ดีกับครีมชีส ชีสนมแพะ หรือเชดดาร์ มะเดื่อ หรือแอปเปิ้ล แต่อย่าลืมคำนึงถึงขนาดของชิ้นส่วน
7. กล้วยแช่แข็งเคลือบช็อกโกแลต
ของหวานเมนูนี้ดูน่าดึงดูดและน่ารับประทาน อีกทั้งยังทำได้ง่ายและไม่แย่สำหรับการควบคุมอาหารของคุณ วิธีทำก็ง่ายมาก โดยแช่แข็งกล้วยแล้วละลายดาร์กช็อกโกแลตแล้วโรยถั่วด้านบน จากนั้นนำกลับเข้าช่องแช่แข็งจนกว่าคุณจะพร้อมรับประทาน ควรรับประทานครั้งละ 2-3 ชิ้น (ประมาณ 70 แคลอรี)
8. นัทบาร์
สินค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อจากร้านค้านั้นบางชิ้นก็ไม่ต่างจากลูกกวาดแท่งมากนัก ดังนั้นแนะนำให้อ่านฉลากโภชนาการ มองหาส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติและใส่น้ำตาลน้อย ซึ่งนัทบาร์บางชนิด อาจใส่น้ำผึ้ง น้ำเชื่อมข้าวโพด หรือน้ำเชื่อมข้าวกล้อง เป็นต้น บาร์ที่มีสุขภาพดีควรมีไฟเบอร์ 3 กรัม โปรตีน 3-6 กรัม และประมาณ 175 แคลอรี แต่ควรมาจากถั่วและผลไม้ ไม่ใช่จาก ส่วนผสมแปรรูปอื่นๆ
9. ลูกแพร์ตุ๋น
การลวกนั้นก็คล้ายการเคี่ยวเบาๆในของเหลว คุณสามารถทำการเคี่ยวลูกแพร์ในน้ำมะนาว น้ำแอปเปิ้ล ไวน์แดง และของเหลวอื่นๆ มากมาย ซึ่งเมนูนี่เป็นของหวานที่เรียบง่ายแต่ดูดีมีสุขภาพ ลูกแพร์ลวกหนึ่งลูกสามารถให้พลังงานได้ประมาณ 100 แคลอรี โดยเสิร์ฟคู่กับน้ำที่เคี่ยวมาเล็กน้อยกับลูกแพร์ที่ปอกเปลือกและปรุงสุก และโรยด้วยครีมเล็กน้อย
10. ข้าวโพดคั่วหวาน
โดยป็อปคอร์นที่บรรจุอยู่ในห่ออาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ไม่แน่ในนั้นอาจมีน้ำตาลได้ถึง 17 กรัมต่อ 2 ถ้วยเลย แต่ข้าวโพดป่นธรรมดาหนึ่งถ้วยไม่มีน้ำตาลและให้พลังงานเพียง 35 แคลอรีเท่านั้น ซึ่งคุณสามารถควบคุมแคลอรี่และไขมันได้หากคุณโรยส่วนผสมของอบเชยและน้ำตาลเอง
11. นมช็อคโกแลต
ถึงแม้ว่านมช็อคโกแลตส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบค่อนข้างที่จะเยอะ แต่คุณสามารถจำกัดไขมันและน้ำตาลได้ด้วยการทำมันเองด้วยนมพร่องมันเนยหรือไขมันต่ำและผงโกโก้เท่านั้นเอง
12. บาร์โยเกิร์ตแช่แข็ง
โดยมีโยเกิร์ตหลายๆแบรนด์ที่มีส่วนผสมแตกต่างกันออกไป แต่น้อยนักที่จะเจอแบบที่เนื้อครีมและความกำลังดีที่มาใน 80 แคลอรี่ต่อบาร์ อย่างไรก็ตาม เราสามารถกะปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมได้เช่นกัน โดยมีให้เลือกหลากหลายรสชาติและมีท็อปปิ้งอีกมากมาย เพียงให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบฉลากที่บอกจำนวนแคลอรี่ ไขมัน และน้ำตาลที่ใส่ไป