เซอร์กิตเบรกเกอร์ คือ สวิตซ์ไฟฟ้าอัตโนมัติที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเปิด – ปิด ระบบวงจรไฟฟ้า โดยออกแบบกเซอร์กิตเบรกเกอร์ หน้าที่ทำการตัดกระแสไฟฟ้าทันทีเมื่อตรวจพบถึงความผิดปกติในระบบ หรือมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าเกิน (Overload) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากกระแสไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว ไฟดูด เป็นต้น เแต่ก็มีบ่อยครั้งที่อุบัติเหตุหรือเพลิงไหม้มีสาเหตุมาจากการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นการเลือกติดตั้งเซอร์กิตเบรกเกอร์ หรือเบรกเกอร์กันไฟดูดที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับทุกอาคารที่มีการใช้ไฟฟ้า บทความนี้ได้รวบรวมวิธีการเลือกซื้อเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานนั้นจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
![](https://goblogthat.com/wp-content/uploads/2022/08/a-male-electrician-works-in-a-switchboard-with-an-2021-12-09-15-08-36-utc-1024x683.png)
วิธีการเลือกเซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker)
สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงสำหรับการเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าคือ ความปลอดภัย และจะต้องไม่มองข้ามมาตรฐานอุปกรณ์ ที่เป็นสิ่งการันตีในคุณภาพของวัสดุ โดยมาตรฐานของเบรกเกอร์ทั่วไปที่มักจะเห็นกัน ได้แก่ IEC60898 สำหรับเบรกเกอร์ใช้ในบ้านและที่พักอาศัยทั่วไป (พิกัดกระแสของเซอร์กิตเบรกเกอร์ขนาดไม่เกิน 125A และพิกัดกระแสลัดวงจรไม่เกิน 25kA ) และ IEC60947-2 ซึ่งเป็นมาตรฐานเบรกเกอร์สำหรับอาคารขนาดใหญ่ อย่างเช่น โรงงานอุตสาหกรรม สามารถปรับแต่งและเลือกขนาดให้เหมาะสมกับงานที่จะนำไปใช้ได้ โดยการเลือกเบรกเกอร์จะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
จำนวน Pole
การใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์เซอร์กิตในเมืองไทยนั้นจะแบ่งออกหลักๆเลยคือ
- ใช้กับระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส (Single phase) ซึ่งใช้ในบ้านและที่พักอาศัยทั่วไป เซอร์กิตเบรกเกอร์ลูกย่อย MCB ควบคู่ไปกับตู้คอนซูมเมอร์ ยูนิต (Consumer Unit)
- ใช้กับระบบไฟฟ้าแบบ 3 เฟส 4 สาย ที่นิยมใช้ในอาคารขนาดกลางไปจนถึงอาคารขนาดใหญ่ อย่าง อาคารพาณิชย์ และ โรงงานอุตสาหกรรม ที่ใช้ไฟฟ้าแรงดันต่ำไม่เกิน 690v ซึ่งในประเทศไทยมักจะใช้ อยู่ที่ 400v โดยจะเป็นเซอร์กิตแบบ Molded Case Circuit Breaker (MCCB) หรือ Air Circuit breaker (ACB) ที่จะใส่ในตู้สวิตช์บอร์ด MDB (Main Distribution Board)
![](https://goblogthat.com/wp-content/uploads/2022/08/voltage-switchboard-with-circuit-breakers-close-u-2022-01-30-23-03-44-utc-1024x683.png)
ซึ่งจำนวน Pole จะเป็นตัวบอกชนิดของระบบว่าเป็น แบบ 1 เฟส หรือ 3 เฟส ซึ่งแต่ละจำนวนสามารถบอกได้ดังนี้
- 1 Pole หมายถึง เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบ 1 เฟส ที่ใช้กันในบ้านและที่พักอาศัยทั่วไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นเบรกเกอร์ลูกย่อยที่ใช้กับตู้คอนซูมเมอ ยูนิต ช่วยป้องกันเพียงแค่สาย line เท่านั้น
- 2 Pole หมายถึง เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบ 1 เฟส ที่มักจะใช้เป็นเมนเบรกเกอร์ในตู้คอนซูมเมอร์ ยูนิท มีทั้งแบบที่เป็น MCB และ MCCB ช่วยในการป้องกันสาย line และสาย neutral
- 3 Pole หมายถึง เซอร์กิตเบรกเกอร์ 3 เฟส ซึ่งนิยมใช้ในอาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม จะช่วยป้องกันเพียงแค่สาย line เท่านั้น
- 4 Pole หมายถึง เซอร์กิตเบรกเกอร์ 3 เฟส ช่วยป้องกันสาย line และ neutral โดยการเลือกขนาดเบรกเกอร์ 3 เฟส แบบ 4 Pole จะสามารถป้องกันได้ทั้ง 4 เส้น หากมีความผิดปกติของระบบไฟฟ้า เหมาะกับระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง
![](https://goblogthat.com/wp-content/uploads/2022/08/circuit_breaker-21-1.webp)
ค่าพิกัดกระแส (Breaking Capacity IC , Amp Trip AT , Amp Frame AF)
ค่าพิกัดจะช่วยบ่งชี้ความสามารถและขีดจำกัดในการใช้งานของเบรกเกอร์ ซึ่งค่าพิกัดจำเป็นที่ควรต้องรู้มีดังต่อไปนี้
- IC (Interrupting Capacitive) เป็นพิกัดสูงสุดที่สามารถทนต่อกระแสลัดวงจรได้อย่างปลอดภัย โดยแสดงในหน่วยของ kA
- AT (Amp Trip) ขนาดของกระแสที่ใช้งาน ซึ่งจะบอกให้รู้ถึงความสามารถของเบรกเกอร์แต่ละตัวว่าสามารถทนต่อกระแสในภาวะปกติได้สูงสุดเท่าไร
- AF (Amp Frame) ขนาดการทนกระแสของเปลือกหุ้ม เป็นพิกัดการทนสูงสุดของเบรกเกอร์ตัวนั้น
ค่าพิกัดกระแสลัดวงจร (kA)
อาจมีบางคนยังสับสนว่า kA คือค่าอะไร… ค่า kA คือ ค่ากระแสที่เบรกเกอร์สามารถทนได้ เมื่อมีความผิดปกติในระบบไฟฟ้า โดยเบรกเกอร์จะทนได้ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ซึ่งจะหน่วย 1,000 แอมป์ เช่น ค่า 10kA หมายถึง ค่ากระแสที่เบรกเกอร์สามารถทนได้คือ 10,000 แอมป์ ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่เบรกเกอร์จะทริป
ฟังก์ชันการใช้งาน
การแข่งขันในตลาดด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยุคปัจจุบันนั้นสูงมาก ทำให้ผู้ผลิตต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบให้มีความแตกต่าง รวมไปถึงขีดความสามารถในตัวอุปกรณ์ที่เป็นสินค้าของแบรนด์ ให้มีความโดดเด่น อย่างเช่น เบรกเกอร์ MCCB รุ่น Compact NSXm เป็นเบรกเกอร์กันไฟดูด Schneider รุ่นล่าสุดที่พัฒนามาจากรุ่น NSX ที่นอกจากจะมากไปด้วยประสิทธิภาพของฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น ฟังก์ชันการวัด (Metering) ฟังก์ชันการสื่อสาร (Communication) ฯลฯ แต่ยังถูกออกแบบให้มีความเหมาะสำหรับการติดตั้งในตู้ controller ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบ DIN rail และ ยึดน๊อต
![](https://goblogthat.com/wp-content/uploads/2022/08/a-male-electrician-works-in-a-switchboard-with-an-2021-12-09-20-20-56-utc-1024x683.png)
การอ่านชื่อ Model
อีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้า คือ ชื่อ Model เพราะถ้าเขียนผิดไปแม้แต่ตัวเดียว ก็จะได้อุปกรณ์ที่ผิดสเปคทันที เนื่องจากสเปคของ Model แต่ละรุ่นของยี่ห้อต่างๆก็จะแตกต่างกันออกไป โดยผู้ผลิตจะมีการแจ้งรายละเอียดให้ไว้อยู่แล้ว หรือถ้าไม่แน่ใจก็สามารถสอบถามกับตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าได้โดยตรง
อย่าลืมว่า “ความปลอดภัย” เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงเป็นข้อแรกเสมอในการเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นตัวเมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ เบรกเกอร์ลูกย่อย ตัวปลั๊ก หรือแม้แต่การเลือกขนาดเบรกเกอร์กับสายไฟ ควรเป็นอุปกรณ์ที่ผลิตด้วยวัสดุมีมาตรฐาน แหล่งผลิตและแบรนด์ของผลิตภัณฑ์มีชื่อเสียง รวมไปถึงตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ เพื่อจะได้มั่นใจถึงความปลอดภัยในการใช้งาน และช่วยปกป้องอุบัติภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดได้จากระบบวงจรไฟฟ้า ช่วยผ่อนจากหนักให้เป็นเบา หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยหากเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ติดตั้งระบบถูกต้อง และใช้งานอย่างถูกวิธี