สำหรับใครที่เริ่มสนใจเรื่องการลงทุนเพื่ออนาคต หรือกำลังมองหาวิธีลดหย่อนภาษี “RMF” และ “SSF” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก แต่หลายคนอาจยังสับสนว่าทั้งสองอย่างนี้คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกลงทุนตัวไหนดี วันนี้เราจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ พร้อมคำแนะนำในการเลือกลงทุน
RMF คืออะไร?
RMF (Retirement Mutual Fund) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่ออกแบบมาเพื่อการออมเงินระยะยาวโดยเฉพาะ จุดประสงค์หลักคือ เก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ
คุณสมบัติสำคัญของ RMF ได้แก่:
- ต้องซื้ออย่างสม่ำเสมอทุกปี (อย่างน้อยปีเว้นปี)
- ต้องถือครองจนถึงอายุ 55 ปี ขึ้นไป และลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับตามปีปฏิทิน)
- สามารถเลือกลงทุนได้หลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ
- เงินที่ลงทุนสามารถนำไป ลดหย่อนภาษี ได้ ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
สรุป: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนเกษียณล่วงหน้า และตั้งใจลงทุนระยะยาวจริงๆ
SSF คืออะไร?
SSF (Super Savings Fund) หรือกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว เป็นกองทุนที่ออกมาแทน LTF เดิม (ที่หมดอายุสิทธิ์ไปแล้ว)
คุณสมบัติสำคัญของ SSF ได้แก่:
- ลงทุนได้อิสระ ไม่มีข้อบังคับว่าต้องซื้อทุกปี
- ต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปีเต็ม (นับตามวันซื้อ)
- เลือกลงทุนได้หลายแบบเช่นเดียวกับ RMF เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ฯลฯ
- เงินที่ลงทุนสามารถนำไป ลดหย่อนภาษี ได้ สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท ต่อปี
สรุป: เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะกลางถึงยาว และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีโดยไม่ต้องผูกมัดเรื่องอายุเกษียณ
RMF กับ SSF ต่างกันยังไง?
หัวข้อ | RMF | SSF |
---|---|---|
วัตถุประสงค์ | ออมเงินเพื่อเกษียณ | ออมเงินระยะยาวเพื่อผลตอบแทน |
อายุขั้นต่ำในการขายคืน | 55 ปีขึ้นไป + ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี | ถือครอง 10 ปีเต็ม (นับวัน) |
ข้อบังคับการซื้อ | ต้องซื้อทุกปี (อย่างน้อยปีเว้นปี) | ไม่ต้องซื้อทุกปี |
วงเงินลดหย่อนภาษี | รวมกับกองทุนอื่น เช่น กองทุนบำนาญ | แยกวงเงิน ไม่รวมกับ RMF |
ความยืดหยุ่น | น้อยกว่า | มากกว่า |
แล้วควรลงทุนตัวไหนดี?
1. ถ้าอยากเน้นออมเพื่อเกษียณโดยเฉพาะ ➔ เลือก RMF
เหมาะกับคนที่วางแผนเรื่องการเกษียณชัดเจน มีวินัยในการลงทุน และตั้งใจถือยาวถึงอายุ 55 ปีขึ้นไป
2. ถ้าอยากลงทุนระยะยาว มีความยืดหยุ่นสูง ➔ เลือก SSF
เหมาะกับคนที่อยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นหรือตราสารอื่นๆ ระยะยาว โดยไม่ต้องรอจนเกษียณ และไม่ต้องซื้อทุกปี
3. ถ้ามีฐานรายได้สูง ➔ ลงทุนทั้งสองตัว
หากคุณมีรายได้เยอะ และอยากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็มที่ การแบ่งลงทุนทั้ง RMF และ SSF จะช่วยประหยัดภาษีได้มากขึ้น
สรุป
- RMF = ลงทุนเพื่อเกษียณ จำเป็นต้องถือจนถึง 55 ปี
- SSF = ลงทุนระยะยาว 10 ปี ถือจบเมื่อไรก็ขายได้
- ถ้าวางแผนเกษียณ ➔ RMF น่าสนใจ
- ถ้าอยากลงทุนลดหย่อนภาษีแบบยืดหยุ่น ➔ SSF น่าสนใจ
สุดท้าย สิ่งสำคัญกว่าคือการ เลือกกองทุนที่มีคุณภาพ และ เหมาะกับสไตล์การลงทุน ของตัวคุณเอง เช่น คนรับความเสี่ยงได้สูงอาจเลือกกองทุนหุ้นไทยหรือหุ้นต่างประเทศ แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้น้อย อาจเลือกกองทุนตราสารหนี้หรือผสมผสานหลายสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยง